“บิ๊กตู่” เผยปัญหาภัยแล้งวิกฤติแน่ มีปริมาณน้ำในเขื่อนน้อยกว่าปีที่แล้วครึ่งหนึ่ง ขณะที่ ผวจ.สุโขทัย เตรียมผันน้ำแม่น้ำยมไปเก็บกักที่แก้มลิงทุ่งทะเลหลวง หลังปริมาณน้ำเหลือแค่ 12 ล้าน ลบ.ม. จากความจุ 32 ล้าน ลบ.ม. ส่วนบึงบอระเพ็ดน้อยยังน้อยไม่มีน้ำเข้าไปเติมเนื่องจากระดับน้ำแม่น้ำน่านยังต่ำกว่าประตูน้ำ ขณะเดียวกันฝนที่ตกลงมาจากอิทธิพลพายุ “มูจีแก” ทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ อ.บ้านค่าย และ อ.เมืองระยอง ส่วน จ.สมุทรปราการ น้ำท่วมถนนสำคัญในตัวเมืองหลายสาย ทำให้รถติดหนึบ
สถานการณ์ภัยแล้งส่อเค้าวิกฤติหนัก เนื่องจากฝนที่ตกลงมาส่วนใหญ่ตกในพื้นที่ใต้เขื่อน ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้ง 4 เขื่อนยังน้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ว่า ที่ประชุม ครม. มีการพูดคุยหามาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการเร่งด่วนในเรื่องการดูแลการผันน้ำที่ยังเหลืออยู่โดยมี 8 มาตรการ และจะเพิ่มว่าจะโซนนิ่งพื้นที่อย่างไร รัฐบาลอาจจะต้องดูแลช่วยเหลือเรื่องต้นทุนการประกอบอาชีพที่ต้องเปลี่ยนการปลูกพืชใหม่ ในเมื่อบังคับไม่ได้ก็ไม่ได้ แต่ก็จะส่งเสริมคนที่สมัครใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมในการปลูกพืช ถ้าดูแผนผังพื้นที่น้ำวันนี้จะเห็นว่ามีพื้นที่แล้งเป็นจำนวนมาก และหลังจากเดือน เม.ย.59 ไปแล้วจะแล้งแน่นอน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำที่เข้ามาต่ำกว่าปีที่แล้วครึ่งหนึ่ง จาก 6,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เหลือเพียง 3,000 ล้าน ลบ.ม. ปีแล้วก็แล้งอยู่แล้วเนื่องจากน้ำต้นทุนในอ่างลดลงก่อนหน้านั้น ให้ฝนตกลงมาอย่างไรก็ยกระดับไม่ขึ้น นั่นคือปัญหา เว้นเสียแต่ว่าถ้ามีฝนหรือพายุขึ้นมาเหนือเขื่อนอันนั้นจะโชคดี เพราะเราเอาฝนจากที่ไหนมาไม่ได้เลย ไม่มีหิมะ ไม่มีน้ำแข็ง มีอย่างเดียวคือฝนตก และดูภูเขาทางภาคเหนือที่เดิมเป็นต้นน้ำของเรา ถามว่ามีป่า เหลือสักเท่าไหร่ แต่กลายเป็นป่าหัวโล้นทั้งหมด
สำหรับปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 4,769 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 35.43 เปอร์– เซ็นต์ของความจุ แต่มีน้ำใช้การได้เพียง 969 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ วานนี้มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 13.82 ล้าน ลบ.ม. ระบายออกเพียง 1 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่นายสุเทพ เลิศศรีมงคล ผอ.เขื่อนสิริกิติ์ เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ 4,535.73 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 47.69 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำใช้การได้เพียง 1,685.73 ล้าน ลบ.ม. หรือ 25.31 เปอร์เซ็นต์ น้ำไหลเข้าอ่างเก็บ 22.71 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าปลายเดือนตุลาคมนี้ ปริมาณฝนจะน้อยลงหรืออาจไม่ตกเลยเพราะจะเข้าสู่ฤดูแล้ง จำเป็นต้องลดการปล่อยนํ้าลงเหลือ 4.5 ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งปีหน้า
ส่วนนายสมหวัง ปารสุขสาร ผอ.เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ช่วง 2 วันที่ผ่านมามี น้ำไหลเข้าเขื่อนรวมจำนวน 13.5 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 328.9 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ ส่วนน้ำใช้การได้อยู่ที่ 285.9 ล้าน ลบ.ม. แต่ยังต้องระบายน้ำออกวันละ 0.5 ล้าน ลบ.ม. เพื่อรักษาระบบนิเวศ ถือว่าปริมาณน้ำยังน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 297 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 31 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำใช้การได้ 294 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 31 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำไหลเข้าเขื่อน 12.77 ล้าน ลบ.ม.
ที่ จ.สุโขทัย นายปิติ แก้วสลับสี ผวจ.สุโขทัย พร้อมด้วยนายมงคล สุภากาย ผอ.โครงการชลประทานสุโขทัย ตรวจสอบปริมาณน้ำในแม่น้ำยมบริเวณเหนือประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ หมู่ 9 ต.ในเมือง อ.สวรรคโลก เตรียมผันน้ำเข้าสู่ประตูระบายน้ำฝั่งขวาบ้านน้ำโจน หมู่ 3 ต.ป่ากุมเกาะ ไปกักเก็บไว้ที่แก้มลิง (ทุ่งทะเลหลวง) ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย เพื่อใช้เป็นน้ำต้นทุนผลิตน้ำประปาและเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งปีหน้า นายปิติ กล่าวว่า ปริมาณน้ำในทุ่งทะเลหลวงเหลือเพียง 12 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 33 เปอร์เซ็นต์ต่างจากปีที่ผ่านมามีน้ำประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ต้องมีการขุดลอกคูคลองต่างๆ ที่เป็นเส้นทางเดินของน้ำ เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำยมเข้าไปกักเก็บไว้ที่ทุ่งทะเลหลวงให้เต็มความจุ 32 ล้าน ลบ.ม.
ที่ จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องแต่ยังน้อยกว่าระดับน้ำเมื่อปี 2557 โดยแม่น้ำปิง (P.17) บ้านท่างิ้ว อ.บรรพตพิสัย มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 78 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) แม่น้ำน่าน (N.67) บ้านเกยไชย อ.ชุมแสง มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 145 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำเจ้าพระยา (C.2) ค่ายจิระประวัติ อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 269 ลบ.ม./วินาที ส่วนปริมาณน้ำในบึงบอระเพ็ดอยู่ที่ 21.90 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) เนื่องจากยังไม่มีน้ำจากแม่น้ำน่านไหลเข้าไปเติม เพราะระดับน้ำในแม่น้ำน่านยังต่ำกว่าประตูน้ำ
ขณะเดียวกัน ชาวนาหมู่ 22 ต.บ้านไร่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ และชาวนาหมู่ 1 ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร กว่า 200 คน รวมตัวนำรถแบกโฮรืิ้อฝายกั้นน้ำคลองกระดาน เขตติดต่อของทั้งสองพื้นที่ เพื่อระบายน้ำท่วมขังนาข้าวที่กำลังตั้งท้องหลายพันไร่ หลังจากที่น้ำป่าจากเทือกเขาแม่วงก์และน้ำจากพื้นที่ อ.ขาณุวรลักษบุรี ไหลบ่าล้นคลองกระดานเข้าท่วมพื้นที่ขายยวงกว้างเพิ่มขึ้น ส่วนที่หมู่ 3 ต.ลาดยาว ชาวนาในพื้นที่ลุ่มต่ำ เร่งนำกระสอบทรายวางแนวป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าที่นาท่วมต้นข้าวกำลังตั้งท้อง
ที่ จ.ชัยนาท นายไพรัช เพชรยวน นายอำเภอวัดสิงห์ กล่าวว่า จากการที่พายุดีเปรสชัน “มูจีแก” พัดผ่านประเทศไทย ทำให้เกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ทำให้น้ำจากคลองทุ่งขนาด มีต้นน้ำอยู่ที่เขื่อนระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เอ่อล้นตลิ่งพื้นที่หมู่ 3 ต.หนองบัว กระแสน้ำเชี่ยวกัดเซาะคอสะพานทุ่งขนาด เส้นทางสัญจรระหว่าง อ.วัดสิงห์ และ ต.หลุมข้าม อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี จนเกือบขาด รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ สั่งการให้ทาง อบต.หนองบัว นำหินมาถมคอสะพานเพื่อให้รถเล็กผ่านได้ชั่วคราว
จ.ระยอง หลังเกิดฝนตกหนักตลอดทั้งคืน ทำให้น้ำท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมืองระยอง โดยเฉพาะหมู่ 1 ชุมชนสำนักอ้ายงอน น้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งรถยนต์และรถ จยย.เสียหายจำนวนมาก ถนนสาย 3191 น้ำท่วมสูงราว 30 ซม. และน้ำยังท่วมตลาดมาบตาพุด ตลาดลานปูน ศาลเจ้าแม่จันเท และตามซอยต่างๆอีกหลายซอย ส่วนเขตเทศบาลตำบลทับมา อ.เมืองระยอง น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนนับร้อยหลังในพื้นที่หมู่ 1 และหมู่ 7 ถนนในซอยน้ำท่วมสูงต่อเนื่องถึงหน้าวัดกะเฉท จนรถผ่านไม่ได้ โรงเรียนกะเฉทต้องปิดเรียน 1 วัน ถนนสาย 36 พัทยา-ระยอง-กระทิงลาย น้ำท่วมถนนทั้งสองฝั่ง ระดับน้ำสูง 30-40 ซม. ทำให้รถติดยาวเหยียด ส่วนที่ อ.บ้านค่าย เกิดน้ำท่วมพื้นที่บ้านมาบตองใน ต.หนองละลอก มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 60 หลัง ที่ ต.บางบุตร น้ำท่วมที่หมู่ 3, 5 และหมู่ 9 ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร
ที่ จ.สมุทรปราการ หลังเกิดฝนตกตลอดทั้งคืนทำให้เกิดน้ำท่วมถนนสายหลักในพื้นที่ อ.เมืองสมุทรปราการ หลายสาย อาทิ ถนนศรีนครินทร์ ถนนสุขุมวิท และถนนพุทธรักษา น้ำท่วมสูงกว่า 40 ซม. รถเคลื่อนตัวได้ช้าทำให้รถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตร พ.ต.ท.ราเชนทร์ ถนัดพจนามาตย์ รอง ผกก.จร.สภ.เมืองสมุทรปราการ นำกำลังตำรวจจราจรช่วยโบกรถเพื่ออำนวยความสะดวกจราจรให้ประชาชน จนกระทั่งน้ำลดลงการจราจรเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาแผนบูรณาการร่วมในการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 28 หน่วยงาน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า แผนระยะสั้นอยากให้ กทม.ดูแลเรื่องการระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ให้มีปัญหาขยะตกค้าง ดูแลเครื่องสูบน้ำไม่ให้เสีย ไม่ให้มีผลกระทบต่อการระบายน้ำ การที่ กทม. ระบุว่า การระบายน้ำทำได้ 60 มม.ต่อชั่วโมง จะหารือว่าจะทำได้มากกว่านั้นหรือไม่ รวมถึงการปรับแผนการจราจร ต้องนำรถที่เสียออกจากผิวการจราจรโดยเร็วที่สุด จะให้ทางตำรวจเป็นผู้ดูแล ส่วนแผนระยะยาวคาดว่า กทม.จะเสนอแผนเพิ่มท่อระบายน้ำบนถนนสายสำคัญ บริเวณพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมขังเดิม 22 จุด ขณะเดียวกัน พื้นที่เสี่ยงที่สำรวจเพิ่มเติม 4 จุด รวมถึงพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตปริมณฑลและกรุงเทพมหานคร โดยเพิ่มการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่กำจัดขยะที่อุดตัน และกีดขวางทางไหลของน้ำ เพื่อให้ระบบการระบายน้ำมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศว่าในช่วงวันที่ 6-8 ต.ค. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเล อันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศจีนตอนใต้ ในขณะที่ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีฝนตกชุกหนาแน่น ประมาณร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
Microsoft เผยผลสำรวจ 10 อาชีพในอนาคตที่ผู้บริหารกลัวขาดคนในยุค AI
Bitkub HODL Day: สร้างวัฒนธรรมองค์กรอย่างสร้างสรรค์ ผ่านกีฬาสีที่ไม่เหมือนใครในแบบฉบับ “บิทคับ กรุ๊ป”
Orchidjobs บริการสรรหาพนักงานครบวงจร
สภาพัฒน์ฯ เผยผลสำรวจผู้บริหาร 74% ไม่จ้างพนักงานไร้ทักษะ AI ปัจจุบันคนไทยว่างงาน-หนี้เกินตัว ใช้โซเชียลกู้ยืมนอกระบบ
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด 
